ข่าวสารบริษัท

“ WHAUP ” ฤกษ์ดี เข้าเทรดใน SET วันนี้ เร่งขยายธุรกิจน้ำ –ไฟฟ้า เตรียมรับ การลงทุน EEC





กรุงเทพฯ บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ฤกษ์ดี เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้เป็นวันแรก มั่นใจปัจจัยพื้นฐานแกร่ง เร่งเดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานแบบครบวงจร ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมเตรียม แผนรองรับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ชี้ WHAUP มีฐานการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายการส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศไทย มั่นใจ บริษัทฯ จะได้รับอานิสงค์จากความต้องการใช้สาธารณูปโภคน้ำและไฟฟ้าจากผู้ปประกอบการในนิคมฯ เพิ่มขึ้น 

นพ.สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า  การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ในวันนี้ (10 เม.ย.) ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ และมองว่าธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงาน มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต จากการขยายตัวของการลงทุนในอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ จากแผนการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  (มหาชน) หรือ WHA Group กล่าวในฐานะบริษัทแม่ว่า WHAUP เป็น 1 ใน 4 สายธุรกิจของ WHA GROUP ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต จากความต้องการใช้น้ำ และไฟฟ้า เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และนอกนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น  

ปัจจุบัน WHAUP มีฐานการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้นในอนาคตจะส่งผลดีต่อภาพรวมของรายได้ให้มีการเติบโตมากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯของ WHAUP ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคนั้น จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับกลุ่มนักลงทุน ในระยะยาวได้ 

“ ธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงาน เป็นธุรกิจอันดับต้นๆ ที่ WHA GROUP เล็งเห็นว่า มีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อุตสาหกรรม เพราะน้ำ และไฟฟ้า ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น การขยายตัวของความต้องการใช้สาธารณูปโภคและไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในนิคมฯ จะเป็นตัวบ่งชี้อัตราการเติบโตของ WHAUP ในอนาคตได้เป็นอย่างดี” นางสาว จรีพร กล่าว

ด้าน นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ (10 เม.ย. 2560) จะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคที่ยาวนาน และฐานลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายการส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศไทย ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคาดว่าจะมีการขยายการลงทุนเพิ่มเติม ส่งผลให้มีการเติบโตของความต้องการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นมากกว่าภูมิภาคอื่น

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้ เพื่อการลงทุนในโครงการขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงาน เพื่อเสริมศักยภาพในอนาคต และส่วนที่เหลือบริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ และอีกส่วนหนึ่งบริษัทจะนำไปใช้เพื่อการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ในปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่าลดลง

ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้า SPP ที่บริษัทถือหุ้นอยู่นั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 6 โครงการ รวม 190 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) โดยจะใช้งบลงทุนอีกประมาณ 1,858 ล้านบาท ซึ่งในปี 2560 นี้จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ จำนวน 4 โครงการ รวมจำนวน 130 เมกะวัตต์ และอีก 2 โครงการจะทยอยเปิดในปี 2561 -2562 และจะรับรู้รายได้จากการลงทุนไฟฟ้าครบ 540 เมกะวัตต์ ในปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้น 54% จากสิ้นปี 2559 ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 350 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อพลังงาน (Waste to Energy) โดยลงทุนใน บริษัท ชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด หรือ CCE ร่วมกับบริษัทในเครือ บมจ. โกลว์ พลังงาน และ บริษัท SUEZ  ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมขนาด 8.63 เมกะวัตต์ โดยมีปริมาณพลังงานไฟฟ้าตามสัญญา 6.90 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการจัดทำรายงานฯ พร้อมทั้งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในเดือนตุลาคม 2560 ส่วนขั้นตอนการ

ก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ 24-26 เดือนซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคม 2562 โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท

สำหรับด้านพลังงานทดแทนอื่น บริษัทฯ ยังมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนพื้นที่อาคารของกลุ่มฯ ที่อยู่ในระหว่างเตรียมการ มากกว่า 2 ล้านตารางเมตร ส่วนธุรกิจน้ำ ปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และการบริหารจัดการน้ำเสีย ประมาณ 95 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และคาดว่าความต้องการใช้น้ำเพื่ออุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโครงการโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 6 โครงการ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์

“ จากแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ มั่นใจว่า จะมีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจน้ำและส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานอย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้จากธุรกิจน้ำประมาณ 1,600 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลรับจากธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 985 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมการขยายตัวของฐานลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลพวงจากนโยบาย EEC ของภาครัฐ ที่บริษัทฯ กำลังประเมินตัวเลขอยู่ ” นายวิเศษ กล่าว

ด้านนางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และในนามตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจของ WHAUP มีความโดดเด่นทั้งในด้านธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงานแบบครบวงจร และเป็นผู้ดำเนินการในพื้นที่การส่งเสริมของภาครัฐในการลงทุนโซนภาคตะวันออก

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากประสบการณ์ในการบริหาร และความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงานของผู้บริหาร  เชื่อว่าบริษัทฯ มีโอกาสสูงในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ที่มีความต้องการใช้บริการสาธารณูปโภค และไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,600 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 539 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลรับจากธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 985 ล้านบาท


ข่าวอื่นๆ