ข่าวสารบริษัท

WHAUP เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง ส่งท้ายปี อวดกำไรปกติ Q3/64 โต 39% พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0925 บาท ตอกย้ำศักยภาพฐานะความแข็งแกร่งทางการเงิน





กรุงเทพฯ – บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ส่งข่าวดีส่งท้ายปีต่อเนื่อง แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 761 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 277 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 2,332 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 734 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าทั้งในไทยและเวียดนาม ท่ามกลางโควิด-19 ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.0925 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่าย 8 ธันวาคมนี้ ด้าน CEO "ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์" ย้ำโค้งสุดท้ายของปี ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมเต็มสูบ มั่นใจรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติทั้งปีโตต่อเนื่อง และมียอดเซ็นสัญญาในพอร์ตโซลาร์ทะลุเป้า

ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่สะท้อนผลการดำเนินงานจำนวน 761 ล้านบาท และ 277 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 17% และ 39% จากไตรมาส 3 ปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 3 ปี 2563 สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของปริมาณยอดขายและบริหารจัดการน้ำทั้งในประเทศและเวียดนาม รวมถึงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 2,332 ล้านบาท และ 734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% และ 21% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจสาธารณูปโภค ภาพรวมธุรกิจสาธารณูปโภคทั้งในไทยและเวียดนามเติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมกันเท่ากับ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาส 3 ปี 2563 และอยู่ระดับเดียวกับยอดจำหน่ายและบริหารน้ำในไตรมาส 2 ปี 2564 ขณะที่ในงวด 9 เดือนของปี 2564 ปริมาณการจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับ 103 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2563 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการขยายกำลังการผลิต และลูกค้ารายใหม่จากกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี รวมถึงการกลับมาดำเนินงานตามปกติของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ รับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากการจำหน่ายน้ำให้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GSRC ของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในส่วนของหน่วยผลิตที่ 1 ไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 และคาดว่าจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มเติมจากหน่วยผลิตที่ 2 ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มในไตรมาส 4 ปี 2564

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) จากการนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการบำบัดและใช้ใหม่ (Wastewater Reclamation) ไปผลิตและเพิ่มมูลค่าเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ส่งผลให้ในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) จำนวน 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 29% และ 94% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2563 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาหลากหลายโครงการ อาทิ โรงบำบัดน้ำแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA RY36) กำลังการผลิต 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุสำหรับจำหน่ายแก่ลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และโครงการแหล่งน้ำดิบทางเลือก กำลังการผลิต 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคในต่างประเทศนั้น โครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) ที่ประเทศเวียดนามในไตรมาส 3 ปี 2564 มียอดจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมากรุงฮานอยจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้มีมาตรการล็อคดาวน์เมืองอย่างเข้มงวด ในขณะที่ยอดจำหน่ายน้ำ 9 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลเวียดนามดอง ทำให้ในไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการ SDWTP ในระดับใกล้เคียงกันกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับบริษัท เก๋อ หล่อ วอเตอร์ ซัพพลาย (Cua Lo Water Supply) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายน้ำประปาได้มีการก่อสร้างเพื่อขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 8.4 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการดำเนินการวางท่อเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตและรองรับปริมาณการใช้น้ำประปาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของประชากรที่สูงขึ้น และปริมาณการใช้น้ำในอนาคตของลูกค้าในนิคมอุสาหกรรมของกลุ่มดับบลิวเอชเอ โครงการขยายท่อดังกล่าวคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565

ธุรกิจไฟฟ้า ในไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ปรับตัวลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 แห่งที่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยอดจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แม้จะมีปัจจัยลบจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2564 ในขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ผลการดำเนินงานลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ส่วนแบ่งกำไรปกติของธุรกิจไฟฟ้าลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 และ 9 เดือนแรกของปี 2563 จากการที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน Gheco-One หยุดซ่อมบำรุงเพิ่มเติมอีก 28 วันในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้า Gheco-One จะกลับมาฟื้นตัวจากการที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้กลับมาดำเนินงานตามปกติแล้ว

ในส่วนของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนนั้น บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนส่งผลให้พอร์ตเติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้ 33 ล้านบาท จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้นกว่า 50 เมกะวัตต์ โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มจำนวน 4 โครงการ รวมทั้งสิ้น 22 เมกะวัตต์ โดย 1 ใน 4 โครงการ คือ โครงการ Prinx Chengshan ขนาด 19 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดเมกะวัตต์สูงที่สุดที่บริษัทฯ เคยติดตั้งมา มีอายุสัญญา 25 ปี ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์รวมแล้วทั้งสิ้น 85 เมกะวัตต์ และบริษัทฯ มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งหมดได้เกิน 90 เมกะวัตต์ สูงกว่าเป้าปี 2564 ที่วางไว้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (WHAUP) ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภคภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในประเทศไทยทั้ง 11 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมมือกับ บมจ.ปตท. และบริษัท เซอร์ทิส เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะเพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ได้แก่ ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงาน โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC Sandbox) ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังทดสอบการนำระบบกักเก็บพลังาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยบริษัทฯ เชื่อว่านวัตกรรมต่างๆ เหล่านี้ จะสร้างโอกาสในการขยายกำลังการผลิตในส่วนของ Renewable Energy และ Business Model ใหม่ให้กับบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัล Outstanding Innovative Company Awards จากงาน SET Awards 2021 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วยนวัตกรรมจากโครงการ Demineralized Reclaimed Water : แหล่งน้ำทางเลือกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งนับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สะท้อนตัวตนของ WHAUP ถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม จนเป็นที่ยอมรับและเป็นต้นแบบขององค์กรที่ประสบความสำเร็จให้แก่องค์กรอื่นๆ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานและสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และในวันเดียวกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ถูกคัดเลือกและประกาศรายชื่อจากตลท.ให้เป็นหนึ่งใน "หุ้นยั่งยืน" หรือ บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 ติดกันต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการมีบรรษัทภิบาล พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ "Your Ultimate Solution Partner in Utilities & Power with Environmental Care"

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.0925 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการสะท้อนศักยภาพการเติบโต และการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสม่ำเสมอของธุรกิจ ส่งผลให้สถานะทางการเงินมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง สอดคล้องกับการที่ทริสเรทติ้งได้คงอันดับเครดิตขององค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ระดับ "A-" พร้อมปรับแนวโน้มอันดับเครดิตขึ้นเป็น "คงที่" ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองบวกจากแนวโน้มการเติบโตของรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และฐานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัทฯ


ข่าวอื่นๆ